ฟังก์ชัน MAX ใน Excel เป็นฟังก์ชันเพื่อใช้หาค่า “ตัวเลข” ที่มากที่สุดในกลุ่ม ฟังก์ชันนี้เรียบง่าย ตรงไปตรงมา ไม่มีอะไรมาก
ฟังก์ชัน MAX
=MAX(ตัวเลข1, ตัวเลข2, ...)
สมมติเรามีตัวเลข 3 ตัว คือ 1, 2, และ 3 เราสามารถหาค่าที่มากที่สุดได้ดังนี้
=MAX(1, 2, 3)
ผลลัพธ์ที่ได้คือ 3
ในการทำงานจริงเราอาจไม่ได้ใส่ตัวเลขลงไปตรงๆ แบบนี้ แต่อาจใส่ตัวเลขไว้ในเซลล์ต่าง ๆ เช่น ใส่ตัวเลข 1, 2, 3 ลงในคอลัมน์ A เริ่มจากเซลล์ A1 ถึง A10 เราสามารถหาค่าที่มากที่สุดของตัวเลขที่อยู่ในกลุ่มนี้ได้ดังนี้
=MAX(A1:A10)
ฟังก์ชัน MAX มีข้อจำกัดอะไร
ฟังก์ชันนี้รับการป้อนค่าได้เพียง 255 ค่า
เราจะใส่ค่าเป็นตัวเลขหรือชื่อช่วง อาร์เรย์ หรือการอ้างอิงที่มีตัวเลขก็ได้
ถ้าค่าที่ใส่ลงไปเป็นอาร์เรย์หรือการอ้างอิง ระบบจะใช้เฉพาะตัวเลขในอาร์เรย์หรือการอ้างอิงนั้นเท่านั้น เซลล์ว่าง ค่าตรรกะ หรือข้อความในอาร์เรย์หรือการอ้างอิงจะถูกละเว้น
หากใส่ค่าที่เป็นข้อความ หรือสูตรอ้างอิงที่ไม่สามารถแปลงเป็นตัวเลขได้จะส่งกลับเป็น ข้อผิดพลาด
ถ้าค่าที่ใช้เป็นอาร์เรย์หรือการอ้างอิง ระบบจะใช้เฉพาะตัวเลขในอาร์เรย์หรือการอ้างอิงนั้นเท่านั้น เซลล์ว่าง ค่าตรรกะ หรือข้อความในอาร์เรย์หรือการอ้างอิงจะถูกละเว้น
หากต้องการรวมค่าตรรกะและการแสดงข้อความของตัวเลขในการอ้างอิงเป็นส่วนหนึ่งของการคำนวณ ให้ใช้ฟังก์ชัน MAXA
ตัวอย่าง
สมมติเรามีข้อมูลคะแนนสอบของนักเรียน 10 คน ดังนี้
เราจะหาอะไร? สมมติเราจะหาที่มากที่สุด จากคะแนนสอบทั้งหมด เราใส่ค่า
=MAX(B2:D10)
ข้อชวนคิด
ฟังก์ชันนี้ ดูเผิน ๆ เหมือนไม่มีอะไร แต่จริง ๆ จะช่วยให้เขียนสูตรสั้นลงได้
อย่างเช่น
ถ้าเราต้องการให้ส่งกลับค่า โดยมีเงื่อนไขว่า ถ้าค่านั้นมากกว่า 0 ให้ใช้ค่านั้น แต่ถ้าค่านั้นเป็นค่าคิดลบ ให้ใช้ค่า 0 แทน
ถ้าเราเขียนสูตรทั่วไป เราอาจจะใช้สูตรแบบนี้
=IF(ค่าที่ตรวจสอบ<0,0,ค่าที่ตรวจสอบ)
แต่ถ้าเราใช้ MAX สิ่งที่เราเขียนก็แค่
=MAX(0,ค่าที่ตรวจสอบ)
จะเห็นว่าเขียนง่ายและสั้นกว่า
อ้างอิง เว็บไมโครซอฟต์ MAX function
ฟังก์ชันอื่นที่เกี่ยวข้องและคล้ายกัน ฟังก์ชัน MIN