ฟังก์ชัน NOT

ฟังก์ชัน NOT เป็น Logical Function อย่างหนึ่งที่จะใช้เพื่อส่งกลับค่า TRUE หรือ FALSE (จริงหรือเท็จ)ที่ตรงกันข้ามกันกลับมา

อาจจะดูงง ๆ แต่ลองตัวอย่าง

ฟังก์ชัน NOT

การเรียกใช้ฟังก์ชันนี้จะเขียนด้วยสูตร

=NOT (ตรรกะ)

ตัวอย่าง

ใน A1 เราใส่ตัวเลข 48

แล้วเราทดสอบด้วย ตรรกะว่า

= A1>50

โดยนัยก็คือ ทดสอบว่า 48 (ค่าใน A1) มากกว่า 50 หรือไม่

ซึ่งคำตอบก็จะได้เป็น False หรือ เท็จ เพราะไม่จริง

แต่ถ้าเราใช้ฟังก์ชัน NOT เป็น

=NOT(A1>50)

เราจะได้คำตอบเป็น True หรือเป็นจริง

NOT

ทั้งนี้ก็เพราะ เป็นการกลับค่าที่ส่งกลับข้างกันอีกครั้งหนึ่ง

แนวทางการใช้งาน

NOT เป็นฟังก์ชันเชิงตรรกะที่ส่งกลับค่าตรงกันข้ามกับค่าตรรกะหรือค่าบูลีนที่กำหนด ซึ่งถ้าหากใช้งานเดี่ยว ๆ อาจจะมีคนสงสัยว่าจะใช้ไปทำอะไร ขอให้คิดในแง่ที่ว่า เราใช้ฟังก์ชัน NOT เพื่อย้อนกลับค่าตรรกะของเงื่อนไขหรือนิพจน์ที่กำหนด ดังนั้น ควรระบุเงื่อนไขที่ต้องย้อนกลับก่อนใช้ฟังก์ชัน NOT เพื่อกลับค่าตรรกะของเงื่อนไข ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณมีค่าตรรกะในเซลล์ A1 และต้องการย้อนกลับ คุณสามารถใช้สูตร

=NOT(A1)

ซึ่งจะส่งคืนค่าตรรกะที่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่อยู่ในเซลล์ A1

หรือสร้างเงื่อนไข เช่น

=NOT(ISBLANK(A1))

จะส่งกลับ TRUE หาก A1 ไม่ว่างเปล่า และ FALSE หาก A1 ว่างเปล่า

ความจริงคีย์ของสูตรด้านบนอยู่ที่เงื่อนไข ISBLANK หรือว่างเปล่า

ฟังก์ชันนี้จะมีประสิทธิภาพเมื่อใช้ร่วมกับฟังก์ชันโลจิคัลอื่น ๆ เช่น AND, OR และ IF เพื่อสร้างเงื่อนไขที่ซับซ้อนมากขึ้น ตัวอย่างเช่น

=IF(NOT(OR(B5="APPLE",B5="BANANA")),B5,"")

จะส่งคืนค่าใน B5 หากไม่ใช่ APPLE  หรือ BANANA และไม่ใช่สตริงว่าง

ใช้ฟังก์ชัน NOT รวมกับฟังก์ชันตรรกะอื่นๆ เช่น AND และ OR เพื่อสร้างนิพจน์เชิงตรรกะที่ซับซ้อนมากขึ้น ตัวอย่างเช่น คุณสามารถใช้สูตร

=NOT(AND(A1,B1))

เพื่อย้อนกลับผลลัพธ์ของฟังก์ชัน AND ที่ตรวจสอบว่าทั้ง A1 และ B1 เป็นจริงหรือไม่

ใช้กับการจัดรูปแบบตามเงื่อนไข: ฟังก์ชัน NOT สามารถใช้กับการจัดรูปแบบตามเงื่อนไขเพื่อเน้นเซลล์ตามค่าตรรกะ ตัวอย่างเช่น คุณสามารถใช้สูตร =NOT(A1>10) เพื่อเน้นเซลล์ที่ไม่เกิน 10

โดยทั่วไป จะดำเนินการค่า NOT หลัง AND และ OR แต่ควรใช้วงเล็บเพื่อทำให้ลำดับการดำเนินการชัดเจนเสมอ


อ้างอิง

ความคิดเห็น