SEQUENCE Function จะช่วยสร้างข้อมูลเรียงลำดับ (ก็ตามชื่ออ่ะนะ) ซึ่งทำได้ทั้งในแนวตั้ง (คอลัมน์ หรือ สดมภ์) และแนวนอน (โรว์ หรือ แถว) โดยระบุอาร์กิวเมนต์ของแถวและคอลัมน์ในสูตร
ไวยากรณ์
=SEQUENCE(rows,[columns],[start],[step])
- rows – จำนวนแถวที่ต้องการ
- columns จำนวนสดมภ์ที่ต้องการ [ไม่ใส่ก็ได้ ค่าเริ่มต้นคือ 1]
- start – ค่าเริ่มต้น [ไม่ใส่ก็ได้ ค่าเริ่มต้นคือ 1]
- step – ค่าสำหรับที่จะเพิ่มขึ้นระหว่างแต่ละค่า [ไม่ใส่ก็ได้ ค่าเริ่มต้นคือ 1 ]
SEQUENCE function
ฟังก์ชัน SEQUENCE ใช้สร้างชุดข้อมูลเรียงลำดับในอาร์เรย์ อาร์เรย์นี้สามารถเป็นแบบมิติเดียวหรือสองมิติก็ได้ (ได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน) ไวยากรณ์สำหรับการกำหนดค่า จะมีทั้งหมด 4 ส่วน นั่นคือ rows, column, start และ step โดยส่วนที่จำเป็นต้องใส่ก็คือ rows ส่วนองค์ประกอบอื่นเป็นส่วนตัวเลือกเสริมสำหรับปรับแต่ง ไม่จำเป็นต้องใส่ก็ได้
บรรทัดต่อไปนี้คือตัวอย่างการใช้ฟังก์ชัน SEQUENCE อย่างง่ายที่สุด
ที่เซล A1 พิมพ์
=SEQUENCE(10)
ผลลัพธ์ที่เซล A1 ถึง A10 จะเป็นเลข 1 ถึง 10 เรียงตามลำดับ
เมื่อลองคลิกดูเซล A2 จะเห็นว่า มีสูตร =SEQUENCE(10) ปรากฏเป็นสีเทา (ไม่ใช่สีดำอย่างปกติ) เพราะว่านี่คือ อาร์เรย์ ที่สร้างขึ้นโดยอัตโนมัติ
หมายเหตุ
- ถ้าเราลบสูตรใน A1 ข้อมุลใน A2 ถึง A10 ก็จะหายไปด้วย
- ถ้า A2 ถึง A10 มีเซลใดเซลหนึ่ง ไม่ใช่เซลว่าง จะขึ้น #SPILL! ที่เซล A1 เนื่องจากไม่มีเซลว่างเพียงพอสำหรับแสดงผลตามอาร์เรย์ที่กำหนด
- ถึงแม้ว่าเราจะเขียนสูตร SEQUENCE(10) ใส่อาร์กิวเมนต์เพียงแค่ 1 ส่วน (ค่า rows) แต่ความจริง อาร์กิวเมนต์ส่วนอื่น (columns, start และ step) จะเป็นค่าตั้งต้นที่ 1 นั่นคือ เมื่อเราเขียน SEQUENCE(10) จะมีค่าเท่ากับเราเขียน SEQUENCE(10, 1, 1, 1)
ใส่ค่าตามแนวนอน
จากตัวอย่างแรก เราเติมเลข 1- 10 ลงเป็นแนวตั้ง (ตามสดมภ์) แต่คราวนี้เราจะลองเปลี่ยนเป็นแนวนอน (ตามแถว) ดูบ้าง
=SEQUENCE(1,10)
เป็นการกลับค่าจากตัวอย่างแรก เปลี่ยนจากให้เรียงลำดับตามแถว มาเป็นเรียงลำดับตามคอลัมน์จำนวน 10 ลำดับ
และ เหมือนเดิม เราเขียนแค่ SEQUENCE(1,10) แต่ความจริง จะเป็น SEQUENCE(1,10, 1, 1)
ลองมาดูกันว่า ถ้าหากเราจะทำเป็น 2 แถว เรียงลำดับไป 10 สดมภ์ ผลจะเป็นอย่างไร
=SEQUENCE(2,10)
ผลลัพธ์เราจะได้เป็น 2 แถว แถวละ 10 เรียงลำดับกัน 1 – 20 (แถวละ 10 จำนวน 2 แถว)
กำหนดค่าแรก และค่าที่เพิ่ม
น่าจะเข้าใจการกำหนดค่าสองส่วนแรก คือ rows กับ columns กันแล้ว
ต่อไปมาดูกันที่การกำหนดค่าสองส่วนหลัง คือ start กับ step
Start คือค่าแรกของลำดับ และ step คือการกำหนดการเพิ่มระหว่างแต่ละค่า สูตรต่อไปนี้ เราต้องการ เรียงลำดับไปทางแนวตั้ง 10 ค่า เริ่มต้นที่ 11 และปรับค่าทีละ 2:
=SEQUENCE(10,1,11,2)
เนื่องจากนี่เป็นค่าลำดับ “ตัวเลข” ดังนั้นทำงานได้ทั้งค่าบวกและค่าลบ ทั้งในส่วน start และ step
เช่น เริ่มต้นตั้งแต่ -10
=SEQUENCE(10,1,-10,2)
หรือ ให้เรียงลำดับค่าแบบติดลบ
=SEQUENCE(10,1,10,-2)
SEQUENCE Function ใช้กับวันที่ก็ได้
อย่างที่ทราบกัน วันที่ ในเอ็กเซล เป็นเลขเรียงลำดับ ดังนั้น เราสามารถใช้ SEQUENCE Function จัดการกับวันที่ได้ด้วย
เช่น เราต้องการสร้างข้อมูลเป็นวันที่ 10 วัน เริ่มจากวันนี้ [TODAY()] ก็จะเป็นสูตรดังนี้
=SEQUENCE(10,1,TODAY(),1)
อ้างอิง: SEQUENCE ที่เว็บไมโครซอฟต์