ฟังก์ชัน SUM เป็นฟังก์ชันสำหรับการ “รวม” หรือ บวก นั่นเอง เป็นอีกหนึ่งฟังก์ชันพื้นฐานที่ใครก็ต้องใช้
รูปแบบการเขียนสูตร SUM
=SUM(ตัวเลข1,[ตัวเลข2],...)
ตัวเลข1 ตัวเลขแรกที่ต้องการบวก อาจจะเป็นการอ้างอิงตำแหน่งเซลล์ หรือ อ้างอิงแบบช่วงข้อมูลก็ได้เช่นกัน
ตัวเลข2 เป็นตัวเลือกเสริม จะใส่กี่ตัวก็ได้ แต่ไม่เกิน 255 ตัว
ตัวอย่างการใช้ ฟังก์ชัน SUM
การใช้ SUM กับตัวเลข
เราลองมาเริ่มต้นกับแบบพื้น ๆ ไปทีละอย่าง อย่างเช่น การเริ่มต้นโดยใส่ตัวเลขเพียงตัวเลขเดียว เช่น
=SUM(69)
จะได้ผลลัพธ์เป็น 69 ตามตัวเลขที่ใส่ไป

ถ้าเราใส่ตัวเลขมากกว่า 1 ตัว เช่น
=SUM(69,13,666)

จะได้ผลลัพธ์เป็น 748 (ก็คือ 69 + 13 + 666)
น่าจะมองคอนเซ็ปต์ออกแล้วว่า มันก็คือการใส่ตัวเลขสำหรับการบวกกันธรรมดา ๆ นี่เอง
การใช้ SUM กับการอ้างอิงตำแหน่ง
การทำงานใน Excel เรามักจะใช้วิธีอ้างอิงตำแหน่ง มากกว่าจะใส่ตัวเลขไปตรง ๆ ในฟังก์ชัน ซึ่งเราก็ใส่การอ้างอิงได้ เช่น
=SUM(A1)

ถ้าในเซลล์ A1 บันทึกค่า 69 ไว้ จะได้ผลลัพธ์เป็น 69
หรือเราอ้างอิงหลายตำแหน่ง (รวมกันไม่เกิน 255 ตำแหน่ง)
=SUM(A1,A2,A3)

ถ้าในเซลล์ A1 บันทึกค่า 69 เซลล์ A2 บันทึกค่า 13 และ A3 บันทึกค่า 666 ไว้ จะได้ผลลัพธ์เป็น 748
ใช้ operator เพื่อเชื่อมโยงช่วง เช่น
=SUM(A1:A9)
ก็จะเป็นการกำหนดให้รวมตัวเลขตั้งแต่ A1 ถึง A9
หรือจะข้ามช่วงก็ได้เช่นกัน
=SUM(A1:A5,A7)
ก็จะเป็นการรวมตัวเลขใน A1 ถึง A5 และ A7
ความเหมือนและต่างระหว่าง SUM กับ บวก
ถึงจะบอกว่าฟังก์ชัน SUM ก็เหมือนการบวก แต่ การใช้ฟังก์ชันนี้มีความแตกต่างจากการบวกอยู่บางประการ
SUM จะละทิ้งค่าที่เป็นไม่ใช่ตัวเลข
สมมติว่า เราเอาข้อความไปแทรก ใน A3 แล้วเราใช้สูตร
=SUM(A1:A3)
ถ้าในเซลล์ A1 บันทึกค่า 69 เซลล์ A2 บันทึกค่า 13 และ A3 บันทึกค่า “Def” ไว้ จะได้ผลลัพธ์เป็น 82 คือ เอา 69 + 13 โดยละทิ้ง A3 ซึ่งเป็นข้อความไว้
ถ้าเราใช้
=SUM(A1,A2,A3)
ก็จะได้ผลลัพธ์เป็น 82 เหมือนกัน
แต่ ถ้าเราใช้วิธี
=A1+A2+A3
ผลลัพธ์จะเป็น #VALUE!

ถ้าหากว่ามี ตัวเลข เก็บเป็น ข้อความ อยู่ด้วย ผลลัพธ์ระหว่างการใช้ SUM กับการจับมาบวกกันธรรมดา จะได้ผลลัพธ์ไม่เหมือนกันใน Excel
เช่น ถ้าในเซลล์ A1 บันทึกค่า 69 เซลล์ A2 บันทึกค่า 13 และ A3 บันทึกค่า “666” ไว้ โดยค่า 666 จะเป็น “ข้อความ” ไม่ใช่ตัวเลข
ถ้าเราใช้
=SUM(A1,A2,A3)
หรือ
=SUM(A1:A3)
จะได้ผลลัพธ์เป็น 82 เหมือนกัน
แต่ ถ้าใช้
=A1+A2+A3
จะกลายเป็น 748 คือนำ 666 ที่เก็บเป็นข้อความ มาคำนวณเหมือนกันเป็นตัวเลขด้วย

SUM จะอัปเดตการอ้างอิงให้
ถ้าใช้ =A1+A2+A3 แล้วมีการอัปเดต เช่น ลบแถวหรือคอลัมน์ทิ้ง จะส่งผลลัพธ์เป็น #REF!
แต่ SUM จะอัปเดตให้อัตโนมัติ
ถ้าต้องการรวมแบบมีเงื่อนไข แนะนำให้ใช้ SUMIF
อ้างอิง: SUM function – Microsoft Support